..........“ทุเรียน” ที่ได้รับขนานนามว่า “King of fruits" หรือ “ราชาแห่งผลไม้”
.....ทุเรียน (Durio zibethinus Murray) หรือที่ฝรั่งเรียกว่า durian เป็นพืชในวงศ์
BOMBACACEAE พืชสกุลนี้เป็นไม้พื้นเมืองของภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ปัจจุบันประเทศไทยมีการผลิตทุเรียนมากที่สุด รองลงมาคืออินโดนีเซียและ
ฟิลิปปินส์
.....
เนื้อและเมล็ดของทุเรียนมีคุณค่าทางอาหารสูงและให้พลังงานสูงเช่นกัน (ประมาณ
124 กิโลแคลอรี/100 ก.) เพราะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และมี
แร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม นอกจากนี้ในเนื้อของ
ทุเรียนยังมีสารประกอบซัลเฟอร์หรือกำมะถัน เช่น thiols, thioethers, ester
และ sulphides ซึ่งทำให้ทุเรียนมีกลิ่นเฉพาะตัวที่รุนแรง และสารสำคัญที่พบในทุ
เรียนคือสารในกลุ่ม คาโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล
.....หลายคนชอบมากๆ เจอเป็นไม่ได้ เม็ดสองเม็ดอาจไม่พอ
หลายคนขนาดได้กลิ่นยังไม่ได้เลย
.....สำหรับคนที่ชอบทาน เรามาดูกันว่าทานอย่างไรจึงให้ประโยชน์ อย่างไรจึงจะเป็น
โทษ เพื่อที่เราๆ ท่านๆ จะได้มีความสุขกับการทานทุเรียนได้เต็มที่...
.....
สรรพคุณตาตำรายาไทยระบุว่า....
รากทุเรียน มีรสฝาดขมใช้แก้ไข้และแก้ท้องร่วง
..
ใบทุเรียน มีรสขม เย็นเฝื่อน ใช้แก้ไข้ แก้ดีซ่าน ขับพยาธิ และทำให้หนองแห้ง
..
เปลือกทุเรียน มีรสฝาดเฝื่อน ใช้รักษากลากเกลื้อน สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย
พุพอง แก้ฝี ตานซาง
..
เนื้อทุเรียน มีรสหวาน ร้อน ใช้แก้จุกเสียดในท้อง ให้ความร้อนกับร่างกาย บำรุง
กำลัง แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีแห้ง และขับพยาธิไส้เดือน
.....
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมี
ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด แต่ยังเป็นเพียงการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์
ทดลอง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าสาร polysaccharide gel ที่
ได้จากเปลือกทุเรียนมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดและเมื่อนำไปผสม
ในอาหารสัตว์ก็พบว่า สามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและภูมิคุ้มกันให้
กับกุ้งได้ และมีการนำสารดังกล่าวไปพัฒนาเป็นแผ่นฟิล์มปิดแผล ซึ่งพบ
ว่าช่วยสมานแผลและลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี
.....มีคำกล่าวว่า
“อย่ากินทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" จากการศึกษาพิสูจน์ความเชื่อนี้พบว่า
..การกินของทั้งสองอย่างนี้พร้อมกัน จะมีผลทำให้เอนไซม์ aldehyde
dehydrogenase ลดลง ซึ่งเอนไซม์ดังกล่าวมีหน้าที่เปลี่ยนสาร
aldehyde ให้กลายเป็นสารอื่นแล้วถูกกำจัดออกจากร่างกายต่อไป
..(aldehyde เป็นสารพิษที่ได้จากกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์เป็นพลังงาน)
การทานทั้งสองอย่างพร้อมกัน จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการสะสมสาร aldehyde
ทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียนนั่นเอง
.....
แม้จะมีการศึกษาว่าทุเรียนมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด แต่ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มี
แป้งและน้ำตาลสูง จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน
โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลและไขมัน
ในเลือด สำหรับคนปกติเองก็ใช่ว่าจะกินทุเรียนได้แบบไม่จำกัดนะ ซึ่งทางกรม
อนามัยเองก็มีการออกมาเตือนว่า การกินทุเรียน 4 - 6 เม็ด จะเทียบเท่าการ
ดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง (พลังงานประมาณ 400 กิโลแคลอรี) และการกิน
ทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูง เสี่ยงต่อ
การเสียชีวิตจากการขาดน้ำได้ และแนะนำว่าไม่ควรกินเกิน 2 เม็ดกลาง
หลังกินอาหารจานหลัก สำหรับคนธาตุไฟ การกินทุเรียนทำให้เกิดโรคร้อนใน
และเจ็บคอได้ง่าย วิธีป้องกัน คือ
ดื่มน้ำผสมเกลือแกงครึ่งช้อนชา หรือดื่มน้ำ
ตามมากๆ เพื่อขับสารซัลเฟอร์และช่วยลดอาการร้อนในได้ ทีนี้เราก็พอจะรู้อะไรๆ มากขึ้นเกี่ยวกับทุเรียน
ขอให้ทานทุเรียนอย่างมีความสุข..ครับ
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก กฤติยา ไชยนอก
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล